ความหมายของการอ่าน
การอ่าน คือ
กระบวนการที่ผู้อ่านรับรู้สาร ซึ่งเป็รความรู้ ความคิด ความรู้สึก
และความคิดเห็นที่ผู้เรียนถ่านทอดออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร การที่ผู้อ่านจะเข้าใจสารได้มากน้อยเพียงไรขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความสามารถในการใช้ความคิด
ความสำคัญของการอ่าน
การอ่านมีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนโต
และจนกระทั่งถึงวัยชรา การอ่านทำให้รู้ข่าวสารข้อมูลต่างๆ
ทั่วโลกซึ่งปัจจุบันเป็นโลกของข้อมูลข่าวสารต่างๆ ทำให้ผู้อ่านมีความสุขมีความหวัง
และมีความอยากรู้อยากเห็น อันเป็นความต้องการของมนุษย์ทุกคน
การอ่านมีประโยชน์ในการพัฒนาตนเอง คือพัฒนาการศึกษา พัฒนาอาชีพ พัฒนาคุณภาพชีวิต
ทำให้เป็นคนทันสมัย ทันต่อเหตุการณ์และมีความอยากรู้อยากเห็น
การที่จะพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าได้ต้องอาศัยยประชาชนที่มีความรู้ความสามารถ
ซึ่งความรู้ต่างๆ ก็ได้มาจากการอ่านนั่นเอง
จุดมุ่งหมายของการอ่าน
๑. อ่านเพื่อความรู้ ได้แก่
การอ่านจากหนังสือตำราทางวิชาการ สารคดีทางวิชาการ การวิจัยประเภทต่างๆ
หรือการอ่านผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ควรอ่านอย่างหลากหลาย
เพราะความรู้ในวิชาหนึ่งอาจนำไปช่วยเสริมในอีกวิชาหนึ่ง
๒. อ่านเพื่อความบันเทิง ได้แก่
การอ่านจากหนังสือประเภทสารคดีท่องเที่ยว นวนิยาย เรื่องสั้นเรื่องแปล การ์ตูน
บทประพันธ์ บทเพลง แม้จะเป็นการอ่านเพื่อความบันเทิง แต่ผู้อ่านจะได้ความรู้ที่สอดแทรกอยู่ในเรื่องด้วย
๓. อ่านเพื่อทราบข่าวสารความคิด ได้แก่
การอ่านจากหนังสือประเภทบทความ บทวิจารณ์ข่าว รายงานการประชุม
ถ้าจะให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต้องเลือกอ่านให้หลากหลาย ไม่เจาะจง
อ่านเฉพาะสื่อที่นำเสนอตรงกับความคิดของตน เพราะจะทำให้ได้มุมมองที่กว้างขึ้น
ช่วยให้มีเหตุผลอื่นๆ มาประกอบการวิจารณ์ วิเคราะห์ได้หลายมุมมองมากขึ้น
๔.
อ่านเพื่อจุดประสงค์เฉพาะทางแต่ละครั้ง ได้แก่
การอ่านที่ไม่ได้เจาะจงแต่เป็นการอ่านในเรื่องที่ตนสนใจหรืออยากรู้ เช่น
การอ่านประกาศต่างๆ การอ่านโฆษณา แผ่นพับ
มารยาทในการอ่าน
มารยาททั่วๆ ไปในการอ่านมีดังนี้
๑. ไม่ควรอ่านเรื่องที่เป็นส่วนตัวของบุคคลอื่น
เช่น จดหมาย สมุดบันทึก
๒.
ในขณะที่มีผู้อ่านหนังสือไม่ควรชะโงกไปอ่านข้างหลังให้เป็นที่รำคาญและไม่ควรแย่งอ่าน
๓.
ไม่อ่าออกเสียงดังในขณะที่ผู้อื่นต้องการความสงบ
๔. ไม่แกล้งอ่านเพื่อล้อเลียนบุคคลอื่น
๕.
ไม่ควรถือวิสาสะหยิบหนังสอของบุคคลอื่นมาอ่านโดยไม่ได้รับอนุญาต
๖.
ไม่อ่านหนังสือเมื่ออยู่ในวงสนทนาหรือมีการประชุม
๗. เมื่ออ่านหนังสือในห้องสมุด หรือสถานที่ซึ่งจัดไว้ให้อ่านหนังสือดดยเฉพาะ ไม่ส่งเสียงดัง ควรปฏิบัติตามระเบียบกฏเกณฑ์ของสถานที่เหล่านั้นอย่างเคร่งครัด
๗. เมื่ออ่านหนังสือในห้องสมุด หรือสถานที่ซึ่งจัดไว้ให้อ่านหนังสือดดยเฉพาะ ไม่ส่งเสียงดัง ควรปฏิบัติตามระเบียบกฏเกณฑ์ของสถานที่เหล่านั้นอย่างเคร่งครัด
การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว
การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว หมายถึง
การอ่านถ้อยคำที่มีผู้เรียบเรียงหรือประพันธ์ไว้โดยการเปล่งเสียงและวางจังหวะเสียงให้เป็นไปตามความนิยมและความเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน
มีการใช้ลีลาของเสียงไปตามเจตนารมณ์ของผู้ประพันธ์ เพื่อถ่ายทอดอารมณ์นั้นๆ
ไปสู้ผู้ฟัง ซึ่งจะทำให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์ร่วมคล้อยตามไปกับเรื่องราวหรือรสของบทประพันธ์
หลักเกณฑ์ทั่วไปในการอ่านออกเสียงร้อยแก้วมีดังนี้
๑.
ก่อนอ่านควรศึกษาเรื่องที่อ่านให้เข้าใจ
โดยศึกษาสาระสำคัญของเรื่องและข้อความทุกข้อความ เพื่อจะแบ่งวรรณตอนในการอ่านได้อย่างเหมาะสม
๒. อ่านออกเสียงดังพอเหมาะกับสถานที่และจำนวนผู้ฟัง
ให้ผู้ฟังได้ยินทั่วกัน ไม่ดังหรือค่อยจนเกินไป
๓.
อ่านให้คล่องฟังรื่นหูและออกเสียงให้ถูกต้องตามอักขรวิธี ชัดถ้อยชัดคำ โดยเฉพาะตัว
ร ล หรือคำควบกล้ำต้องออกเสียงให้ชัดเจน
๔.
อ่านออกเสียงให้เป็นเสียงพูดอย่างธรรมชาติที่สุด
๕.
เน้นเสียงและถ้อยคำตามน้ำหนักความสำคัญของใจความ ใช้เสียงและจังหวะให้ เช่น ดุ
อ้อนวอน จริงจัง โกรธ ฯลฯ
๖.
อ่านออกเสียงให้เหมาะกับประเภทของเรื่อง รู้จักใส่อารมณ์ให้เหมาะสมตามเนื้อเรื่อง
๗.
ขณะที่อ่านรควรสบสายตาผู้ฟังในลักษณะที่เป็นธรรมชาติ
๘.
การอ่านในที่ประชุมต้องจับหรือถือบทอ่านให้เหมาะสม และยืนทรงตัวในท่าที่สง่า
ตัวอย่างบทร้อยแก้ว
ในที่สุด / เสียงทุกอย่างก็หมดไป /
คงเหลือแต่เสียงลม / เสียงฝน / และเสียงกระแสน้ำกระทบผ่านต้นอ้อ / ต้นแขม /
และรากลำพูที่ริมตลิ่ง / ธรรมชาติยังคงสำแดงอำนาจอันมหึมา /
โดยปราศจากการรบกวนจากมนุษย์ / เช้าวันต่อมา /
พระอาทิตย์ทอแสงอัยแจ่มใสเมื่อรุ่งอรุณ / น้ำฝนติดอยู่ตามใบไม้ / กอหญ้า /
ต้องแสงอาทิตย์เป็นประกาย / เมฆฝนที่ทะมึนอยู่เมื่อกลางคืน /
คงเหลือในสภาพเหมือนปุยนุ่นเล็กๆ / ที่ถูกลมพัดปลิวไปติดขอบฟ้า / นกยางฝูงหนึ่ง /
บินผ่านท้องน้ำ / ตรงคุ้งสำเภาไปอย่างเชื่องช้า / มุ่งหน้าไปหากินกลางทุ่ง / ธรรมชาติลืมโทสะ
/ ที่บังเกิดเมื่อตอนกลางคืนนั้นแล้วสิ้น / และเริ่มวันใหม่ด้วยอาการอันแจ่มใส /
เหมือนกับเด็ก / ที่ยิ้มเบิกบานทั้งน้ำตา
วิดีโอการอ่านร้อยแก้วและมารยาทในการอ่าน
การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง
การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง เป็นการอ่านที่มุ่งให้เกิดความเพลิดเพลิน ซาบซึ้งในรสของคำประพันธ์
ซึ่งจะต้องอ่านอย่างมีจังหวะ ลีลา และท่วงทำนองตามลักษณะคำประพันธ์แต่ละชนิด
การอ่านบทร้อยกรองอ่านได้
๒ แบบ ดังนี้
๑. อ่านออกเสียงธรรมดา
เป็นการอ่านออกเสียงพูดตามปกติเหมือนกับการอ่านร้อยแก้ว แต่มีจังหวะวรรคตอน
๒. อ่านเป็นทำนองเสนาะ
เป็นการอ่านมีสำเนียงสูง ต่ำ หนัก เบา ยาว สั้น เป็นทำนองเหมือนเสียงดนตรี
มีการเอื้อนเสียง เน้นสัมผัส ตามจังหวะ ลีลา
และท่วงทำนองตามลักษณะบังคับของบทประพันธ์ให้ชัดเจนและเหมาะสม
หลักเกณฑ์ในการอ่านออกเสียงร้อยกรอง
๑. ศึกษาลักษณะบังคับของคำประพันธ์ เช่น
การแบ่งจังหวะจำนวนคำ สัมผัสเสียง วรรณยุกต์ เสียงหนักเบา เป็นต้น
๒. อ่านให้ถูกต้องตามลักษณะบังคับของคำประพันธ์
๓. อ่านออกเสียง ร ล คำควบกล้ำให้ชัดเจน
๔. อ่านออกเสียงดังให้ผู้ฟังได้ยินทั่วถึง
ไม่ดังหรือค่อยจนเกินไป
๕.
คำที่รับสัมผัสกันต้องอ่านเน้นเสียงให้ชัดเจน
ถ้าเป็นสัมผัสนอกต้องทอดเสียงให้มีจังหวะยาวกว่าธรรมดา
๖. มีศิลปะในการใช้เสียง เอื้อนเสียง
และทอดจังหวะให้ช้าจนจบบท
ข้อควรคำนึงถึงในการอ่านบทร้อยกรอง
การอ่านบทร้อยกรองหรือทำนองเสนาะให้ไพเราะและประทับใจผู้ฟัง
มีข้อควรปฏิบัติดังนี้
๑.
ก่อนอ่านทำนองเสนาะควรรักษาสุขภาพให้ดี มีความพร้อมทั้งกายและใจ
จะช่วยให้มั่นใจมากขึ้น
๒.
ตั้งสติให้มั่นคง ไม่ตื่นเต้น ตกใจ หรือประหม่า ควรมีสมาธิก่อนอ่านและขณะกำลังอ่าน
เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด
๓.
ก่อนอ่านควรตรวจดูบทอ่านอย่างคร่าวๆ และรวดเร็ว
เพื่อพิจารณาคำยากหรือการผันวรรณยุกต์ และอื่นๆ
๔.
พิจารณาบทที่จะอ่าน
เพื่อตัดสินใจเลือกใส่อารมณ์ในบทอ่านให้เหมาะสมสอดคล้องกับเนื้อความ
๕.
หมั่นศึกษาและฝึกฝนการอ่านทำนองเสนาะจากผู้รู้เกี่ยวกับกลวิธีต่างๆ อยู่เสมอ
จึงจะทำให้สามารถอ่านทำนองเสนาะได้อย่างไพเราะ
จังหวะการอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง
จังหวะการอ่านออกเสียงบทร้อยกรองแต่ละประเภทแตกต่างกันไปตามจำนวนคำในแต่ละวรรค
และจังหวะของการลงสัมผัส ดังนี้
การอ่านกลอนสุภาพหรือกลอนแปด
วิธีการอ่านดังนี้
๑.
วรรคหนึ่งแบ่งเป็น ๓ จังหวะ คือ จังหวะ ๓ คำ ๒ คำ และ ๓ คำ ตามลำดับ
๒.
คำสุดท้ายวรรคที่เป็นคำเสียงจัตวา ต้องเอื้อนเสียงให้สูงเป็นพิเศษ
๓.
คำสุดท้ายของบท เอื้อนเสียงต่ำเป็นพิเศษ
๔.
ในกรณีที่มีคำมากพยางค์เกินแผนผังบังคับ ต้องรวบเสียงคำนั้นๆ ให้สั้นลง
การอ่านกาพย์ยานี ๑๑
กาพย์ยานี ๑๑ มีวิธีการอ่านดังนี้
๑.
แบ่งจังหวะการออกเสียงเป็นวรรคหน้า ๕ คำ แบ่งเป็นจังหวะ ๒ คำ และจังหวะ ๓ คำ
วรรคหลัง ๖ คำ แบ่งเป็น ๒ จังหวะ จังหวะละ ๓ คำ
๒.
คำสุดท้ายวรรคที่เป็นคำเสียงจัตวา ต้องเอื้อนเสียงให้สูงเป็นพิเศษ
๓.
ในกรณีที่มีคำมากพยางค์เกินแผนบังคับต้องรวบเสียงคำนั้นๆ ให้สั้นเข้า
วิดีโอการอ่านกาพย์ยานี ๑๑
การอ่านโคลงสี่สุภาพ
โคลงสี่สุภาพมีวิธีการอ่านดังนี้
๑.
อ่านทอดเสียงให้ตรงตามจังหวะของแต่ละวรรค วรรคหน้าแต่ละบาทมี ๒ จังหวะ จังหวะละ ๒
คำ และ ๓ คำ วรรคหลังบาทที่ ๑ และบาทที่ ๓ มี ๑ จังหวะ เป็นจังหวะ ๒ คำ
ถ้ามีคำสร้อยก็เพิ่มอีก ๑ จังหวะ เป็นจังหวะ ๒ คำ วรรคหลังบาทที่ ๒ มี ๑ จังหวะ
เป็นจังหวะ ๒ คำ วรรคหลังบาทที่ ๔ มี ๒ จังหวะ จังหวะละ ๒ คำ
๒.
คำท้ายวรรคที่ใช้คำเสียงจัตวา ต้องเอื้อนเสียงให้สูงเป็นพิเศษ
ตามปกติโคลงสี่สุภาพที่แต่งถูกต้องและไพเราะ ใช้คำเลียงจัตวาตรงคำท้ายของบาทที่ ๑
หรือคำท้ายบท
๓.
เอื้อนวรรคหลังบาทที่ ๒ ให้เสียงต่ำกว่าปกติ
๔.
ในกรณีที่มีคำมากพยางค์เกินแผนบังคับต้องรวบเสียงคำนั้นๆ ให้สั้นเข้า
วิดีโอการอ่านโคลงสี่สุภาพ
การอ่านจับใจความ
การอ่านจับใจความ คือ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด
ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องทรี่อ่านเป็นข้อความที่คลุมข้อความอื่นๆ
ในย่อหน้าหนึ่งๆ ไว้ทั้งหมด
หลักการอ่านจับใจความสำคัญ
๑. ตั้งจุดมุ่งหมายในการอ่านให้ชัดเจน
๒.
อ่านเรื่องราวอย่างคร่าวๆ พอเข้าใจ และเก็บใจความสำคัญของแต่ละย่อหน้า
๓.
เมื่ออ่านจบให้ตั้งคำถามกับตนเองว่า เรื่องที่อ่านมีใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร
อย่างไร
๔.
นำสิ่งที่สรุปได้มาเรียบเรียงใจความสำคัญใหม่ด้วยสำนวนของตนเอง
เพื่อให้เกิดความสละสลวย
การแยกแยะข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น
ข้อเท็จจริง
หมายถึง ข้อความแห่งเหตุการณ์ที่เป็นมาหรือเป็นอยู่ตามจริง
ข้อความหรือเหตุการณ์ที่จะต้องวินิจฉัยว่าเท็จหรือจริง
ข้อคิดเห็น
หมายถึง ความเห็น ความรู้สึกนึกคิดของผู้ส่งสารที่สอดแทรกอยู่ในเนื้อหา
ลักษณะของข้อเท็จจริง
๑. มีความเป็นไปได้
๒.
มีความสมจริง
๓.
มีหลักฐานเชื่อถือได้
๔.
มีความสมเหตุสมผล
ลักษณะของข้อคิดเห็น
๑. เป็นข้อความที่แสดงความรู้สึก
๒.
เป็นข้อความที่แสดงการคาดคะเน
๓.
เป็นข้อความที่แสดงการเปรียบเทียบหรืออุปมาอุปไมย
๔.
เป็นข้อความที่เป็นข้อเสนอแนะ หรือเป็นความคิดของผู้พูดและผู้เขียนเอง
ตัวอย่างข้อความทีเป็น้อคิดเห็น
๑.
กดเวที หมายถึง สนองคุณท่าน (
พิสูจน์ได้โดยค้นความหมายจาพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ )
๒.
ดวงตาเป็นอวัยวะที่ทำให้มองเห็น ( พิสูจน์ได้ด้วยหลักวิชาการ )
๓.
ทุกคนหนีไม่พ้นความตาย ( พิสูจน์ได้จากประสบการณ์ )
ตัวอย่างข้อความที่เป็นข้อคิดเห็น
๑.
การปกครองในระบอบประชาธิปไตยดีที่สุด ( ไม่มีข้อวินิจฉัย )
๒.
คนเรียนเก่งย่อมประสบผลสำเร็จในชีวิตเสมอ ( ไม่มีข้อยืนยัน )
๓.
การรับประทานแต่ผักไม่น่าจะเป็นผลดีต่อร่างกาย ( ไม่มีข้อยืนยัน )
วิดีโอการอ่านการอ่านจับใจความ
การอ่านงานเขียนเชิงอธิบาย คำสั่ง ข้อแนะนำ และปฏิบัติตาม
เป็นการอ่านเพื่อค้นคว้าข้อมูลความรู้หรือวิธีการนำไปใช้
ซึ่งต้องอ่านอย่างละเอียดให้ได้ความครบถ้วน
จึงจะได้รับสิ่งที่ต้องการและนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้อง
งานเขียนเชิงอธิบาย
คำสั่ง ข้อแนะนำ เช่น คำแนะนำการใช้พจนานุกรม
การใช้วัสดุอุปกรณ์ข้อแนะนำและคำเตือนบนฉลากยา คู่มือและเอกสารของโรงเรียนที่เกี่ยวข้องกับนักเรียน
ข่าวสารทางราชการ เป็นต้น
การเลือกอ่านหนังสือที่มีคุณค่าตามความสนใจ
หนังสือมีหลายประเภท
แต่ละประเภทมีรายละเอียดหรือโครงสร้างแตกต่างกันไปตามลักษณะของหนังสือ
ซึ่งแบ่งเป็น ๒ ประเภทใหญ่ คือ
๑.
หนังสือที่ให้ความรู้และข่าวสาร
เป็นหนังสือที่ควรอ่านอย่างสม่ำเสมอ
และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เช่น หนังสือเรียน หนังสือพิมพ์ สารคดี
เป็นต้น
๒.
หนังสือที่ให้ความบันเทิง
เป็นหนังสือที่อ่านเพื่อความเพลิดเพลิน
ผ่อนคลายอารมณ์ และให้ข้อคิดต่างๆ ในการดำเนินชีวิต ซึ่งควรอ่านในยามว่าง เช่น
การ์ตูน นิทาน นิยาย เป็นต้น